ไขมันพอกกับการอัลตราซาวด์ช่องท้อง: เข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
การอัลตราซาวด์ช่องท้อง เป็นการตรวจวินิจฉัยที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการสร้างภาพของอวัยวะภายในช่องท้อง ซึ่งรวมถึงตับ ไต ตับอ่อน และถุงน้ำดี การตรวจนี้มีความสำคัญมากในการตรวจหาภาวะไขมันพอกตับ
ไขมันพอกตับคืออะไร?
ไขมันพอกตับ คือ ภาวะที่เซลล์ตับมีไขมันสะสมมากเกินไป ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป การอ้วน โรคเบาหวาน และระดับไขมันในเลือดสูง หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ตับแข็ง และมะเร็งตับ
อาการของไขมันพอกตับ
ไขมันพอกตับ ในระยะเริ่มแรกมักจะไม่มีอาการใดๆ ที่เด่นชัด ทำให้หลายคนไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ จนกระทั่งโรคมีความรุนแรงมากขึ้นจึงเริ่มแสดงอาการออกมา
อาการที่อาจพบได้เมื่อไขมันพอกตับรุนแรงขึ้น ได้แก่:
ความเมื่อยล้า อ่อนเพลีย: รู้สึกไม่มีแรง ไม่มีชีวิตชีวา
เบื่ออาหาร: ไม่ค่อยอยากอาหาร น้ำหนักลด
คลื่นไส้ อาเจียน: อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนเป็นบางครั้ง
ปวดท้องด้านขวาบน: รู้สึกไม่สบายบริเวณใต้ชายโครงขวา
ผิวเหลือง ตาเหลือง: เกิดขึ้นเมื่อโรคมีความรุนแรงมาก และตับทำงานผิดปกติ
ปัสสาวะสีเข้ม: เกิดจากการที่ตับไม่สามารถกำจัดสารพิษออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขาบวม: เกิดจากการที่ตับทำงานผิดปกติ ทำให้ของเหลวคั่งในร่างกาย
อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเกิดจากไขมันพอกตับเสมอไป อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้เช่นกัน ดังนั้น หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้อง
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดไขมันพอกตับ ได้แก่:
ภาวะอ้วน: น้ำหนักเกินเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด
โรคเบาหวาน: ผู้ป่วยเบาหวานมีโอกาสเป็นไขมันพอกตับสูง
ไขมันในเลือดสูง: ระดับไขมันในเลือดสูงเป็นปัจจัยเสี่ยง
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปทำลายเซลล์ตับ
ยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ อาจทำให้เกิดไขมันพอกตับได้
หากคุณมีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อตรวจหาภาวะไขมันพอกตับในระยะเริ่มต้น
การอัลตราซาวด์ช่วยตรวจพบไขมันพอกตับได้อย่างไร?
การเปลี่ยนแปลงขนาดและเนื้อเยื่อของตับ: เมื่อมีไขมันสะสมในตับมากขึ้น ตับจะมีขนาดใหญ่ขึ้น และเนื้อเยื่อตับจะมีความหนาแน่นลดลง ซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากภาพอัลตราซาวด์
การเปรียบเทียบความเข้มของเสียง: ไขมันจะสะท้อนคลื่นเสียงแตกต่างจากเนื้อเยื่อตับปกติ ทำให้แพทย์สามารถแยกแยะและประเมินปริมาณไขมันที่สะสมได้
ทำไมต้องตรวจอัลตราซาวด์ดูไขมันพอกตับ?
ไม่เจ็บ ไม่ต้องใช้สารทึบรังสี: การตรวจอัลตราซาวด์เป็นการใช้คลื่นเสียงในการสร้างภาพ โดยมีเจลช่วยในการทำหัตถการ ไม่ต้องใช้รังสีหรือสารก่อความระคายเคือง จึงปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยทุกเพศทุกวัย
ตรวจได้รวดเร็ว: ผลการตรวจจะได้ทราบภายในระยะเวลาอันสั้น โดยในระหว่างการตรวจผู้รับบริการสามารถสอบถามข้อสงสัยหรือปรึกษาการตรวจกับรังสีแพทย์ระหว่างการตรวจได้ โดยแพทย์ก็สามารถอ่านผลให้คำแนะนำได้ทันที และจะได้รับผลตรวจหลังจากการตรวจประมาณ 10-15 นาที
ราคาไม่แพง: เมื่อเทียบกับการตรวจอื่นๆ การอัลตราซาวด์มีค่าใช้จ่ายที่เข้าถึงได้ง่าย ในรายการอัลตราซาวด์ช้องท้องที่ศูนย์สุขภาพพร้อมมีค่าบริการในส่วนละ 1,000 บาท
การเตรียมตัวก่อนตรวจอัลตราซาวด์
งดอาหาร: ควรงดอาหารและน้ำอย่างน้อย 8-12 ชั่วโมงก่อนการตรวจ เพื่อให้ภาพที่ได้มีความชัดเจน
แจ้งประวัติสุขภาพ: บอกแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาที่ทาน และอาการที่เป็นอยู่
หลังจากได้รับผลการตรวจ
หากผลการตรวจพบว่ามีไขมันพอกตับ แพทย์จะให้คำแนะนำในการรักษา ซึ่งอาจรวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การลดน้ำหนัก การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการใช้ยา
ข้อควรจำ: การตรวจอัลตราซาวด์เป็นเพียงเครื่องมือชนิดหนึ่งในการวินิจฉัยโรคเบื้องต้นเท่านั้น การวินิจฉัยที่ถูกต้องและการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต้องอาศัยการประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ