0-5393-6027 ต่อ 100
วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 07:30 - 20:00 น.
วันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 07:30 - 15:30 น.
สิ่งที่น่าสนใจ > สาระน่ารู้(บทความ) > ไขมันพอกกับการอัลตราซาวด์ช่องท้อง เข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ไขมันพอกกับการอัลตราซาวด์ช่องท้อง เข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ไขมันพอกกับการอัลตราซาวด์ช่องท้อง เข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
วันที่ 17 กันยายน 2567 เวลา 15:52 น.

ไขมันพอกกับการอัลตราซาวด์ช่องท้อง: เข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

การอัลตราซาวด์ช่องท้อง เป็นการตรวจวินิจฉัยที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการสร้างภาพของอวัยวะภายในช่องท้อง ซึ่งรวมถึงตับ ไต ตับอ่อน และถุงน้ำดี การตรวจนี้มีความสำคัญมากในการตรวจหาภาวะไขมันพอกตับ

 

ไขมันพอกตับคืออะไร?

ไขมันพอกตับ คือ ภาวะที่เซลล์ตับมีไขมันสะสมมากเกินไป ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป การอ้วน โรคเบาหวาน และระดับไขมันในเลือดสูง หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ตับแข็ง และมะเร็งตับ

 

อาการของไขมันพอกตับ

ไขมันพอกตับ ในระยะเริ่มแรกมักจะไม่มีอาการใดๆ ที่เด่นชัด ทำให้หลายคนไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ จนกระทั่งโรคมีความรุนแรงมากขึ้นจึงเริ่มแสดงอาการออกมา

 

อาการที่อาจพบได้เมื่อไขมันพอกตับรุนแรงขึ้น ได้แก่:

ความเมื่อยล้า อ่อนเพลีย: รู้สึกไม่มีแรง ไม่มีชีวิตชีวา

เบื่ออาหาร: ไม่ค่อยอยากอาหาร น้ำหนักลด

คลื่นไส้ อาเจียน: อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนเป็นบางครั้ง

ปวดท้องด้านขวาบน: รู้สึกไม่สบายบริเวณใต้ชายโครงขวา

ผิวเหลือง ตาเหลือง: เกิดขึ้นเมื่อโรคมีความรุนแรงมาก และตับทำงานผิดปกติ

ปัสสาวะสีเข้ม: เกิดจากการที่ตับไม่สามารถกำจัดสารพิษออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขาบวม: เกิดจากการที่ตับทำงานผิดปกติ ทำให้ของเหลวคั่งในร่างกาย

อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเกิดจากไขมันพอกตับเสมอไป อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้เช่นกัน ดังนั้น หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้อง

 

 

 

 

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดไขมันพอกตับ ได้แก่:

ภาวะอ้วน: น้ำหนักเกินเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด

โรคเบาหวาน: ผู้ป่วยเบาหวานมีโอกาสเป็นไขมันพอกตับสูง

ไขมันในเลือดสูง: ระดับไขมันในเลือดสูงเป็นปัจจัยเสี่ยง

การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปทำลายเซลล์ตับ

ยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ อาจทำให้เกิดไขมันพอกตับได้

หากคุณมีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อตรวจหาภาวะไขมันพอกตับในระยะเริ่มต้น

 

การอัลตราซาวด์ช่วยตรวจพบไขมันพอกตับได้อย่างไร?

การเปลี่ยนแปลงขนาดและเนื้อเยื่อของตับ: เมื่อมีไขมันสะสมในตับมากขึ้น ตับจะมีขนาดใหญ่ขึ้น และเนื้อเยื่อตับจะมีความหนาแน่นลดลง ซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากภาพอัลตราซาวด์

การเปรียบเทียบความเข้มของเสียง: ไขมันจะสะท้อนคลื่นเสียงแตกต่างจากเนื้อเยื่อตับปกติ ทำให้แพทย์สามารถแยกแยะและประเมินปริมาณไขมันที่สะสมได้

 

ทำไมต้องตรวจอัลตราซาวด์ดูไขมันพอกตับ?

ไม่เจ็บ ไม่ต้องใช้สารทึบรังสี: การตรวจอัลตราซาวด์เป็นการใช้คลื่นเสียงในการสร้างภาพ โดยมีเจลช่วยในการทำหัตถการ ไม่ต้องใช้รังสีหรือสารก่อความระคายเคือง จึงปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยทุกเพศทุกวัย

ตรวจได้รวดเร็ว: ผลการตรวจจะได้ทราบภายในระยะเวลาอันสั้น โดยในระหว่างการตรวจผู้รับบริการสามารถสอบถามข้อสงสัยหรือปรึกษาการตรวจกับรังสีแพทย์ระหว่างการตรวจได้ โดยแพทย์ก็สามารถอ่านผลให้คำแนะนำได้ทันที และจะได้รับผลตรวจหลังจากการตรวจประมาณ 10-15 นาที

ราคาไม่แพง: เมื่อเทียบกับการตรวจอื่นๆ การอัลตราซาวด์มีค่าใช้จ่ายที่เข้าถึงได้ง่าย ในรายการอัลตราซาวด์ช้องท้องที่ศูนย์สุขภาพพร้อมมีค่าบริการในส่วนละ 1,000 บาท

 

การเตรียมตัวก่อนตรวจอัลตราซาวด์

งดอาหาร: ควรงดอาหารและน้ำอย่างน้อย 8-12 ชั่วโมงก่อนการตรวจ เพื่อให้ภาพที่ได้มีความชัดเจน

แจ้งประวัติสุขภาพ: บอกแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาที่ทาน และอาการที่เป็นอยู่

 

หลังจากได้รับผลการตรวจ

หากผลการตรวจพบว่ามีไขมันพอกตับ แพทย์จะให้คำแนะนำในการรักษา ซึ่งอาจรวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การลดน้ำหนัก การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการใช้ยา

 

ข้อควรจำ: การตรวจอัลตราซาวด์เป็นเพียงเครื่องมือชนิดหนึ่งในการวินิจฉัยโรคเบื้องต้นเท่านั้น การวินิจฉัยที่ถูกต้องและการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต้องอาศัยการประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ