0-5393-6027 ต่อ 100
วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 07:30 - 20:00 น.
วันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 07:30 - 15:30 น.
สิ่งที่น่าสนใจ > สาระน่ารู้(บทความ) > อัลตราซาวด์ช่องท้อง (Abdominal Ultrasound)
อัลตราซาวด์ช่องท้อง (Abdominal Ultrasound)
อัลตราซาวด์ช่องท้อง (Abdominal Ultrasound)
วันที่ 9 มกราคม 2568 เวลา 16:53 น.

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อัลตราซาวด์ช่องท้อง (Abdominal Ultrasound) 

    ปัจจุบันการตรวจด้วยเครื่องมือที่เรียกว่าอัลตราซาวด์ ถือเป็นการตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยที่สำคัญทางรังสีวิทยาวิธีหนึ่ง การตรวจด้วยวิธีนี้จัดเป็นการตรวจที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเตรียมผู้ป่วยมากนัก เครื่องมือหาได้ง่าย ข้อมูลที่ได้จากการตรวจด้วยวิธีนี้แม้จะไม่มากเท่าเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ แต่ก็ทำให้แพทย์สามารถรักษาผู้ป่วยส่วนใหญ่เบื้องต้นได้ โดยเฉพาะโรคในช่องท้อง

   อัลตราซาวด์ช่องท้อง (Abdominal Ultrasound) เปรียบเสมือนเป็นการถ่ายภาพอวัยวะต่างๆ ในช่องท้อง โดยการส่งคลื่นเสียงความถี่สูงออกจากหัวตรวจ (Probe) อัลตราซาวด์ผ่านผนังหน้าท้องเข้าไปที่อวัยวะภายในช่องท้อง และสะท้อนกลับมาที่หัวตรวจ(Probe) อัลตราซาวด์ แปลงเป็นสัญญาณภาพปรากฏบนจอมอนิเตอร์ ซึ่งสามารถเก็บภาพลงกระดาษ (hard copy) ได้

 

1. การตรวจอัลตร้าซาวด์ช่องท้อง สามารถตรวจหาอะไรได้บ้าง?

การตรวจอัลตร้าซาวด์ช่องท้องส่วนบน (Ultrasound Upper Abdomen) :

-  ตับ (ตรวจหาเนื้องอก, ซีสต์, ตับอักเสบ, ตับแข็ง)

-  ถุงน้ำดีและทางเดินน้ำดี (นิ่วในถุงน้ำดี, การอุดตัน)

-  ตับอ่อน (เนื้องอก, การอักเสบ)

-  ไต (นิ่ว, ถุงน้ำ, การติดเชื้อ)

-  ม้าม (ขนาดผิดปกติ, เนื้องอก)

-  หลอดเลือดใหญ่ในช่องท้อง (การโป่งพอง)

การตรวจอัลตร้าซาวด์ช่องท้องส่วนล่าง (Ultrasound Lower Abdomen):

-  กระเพาะปัสสาวะ (นิ่ว, ก้อนเนื้อ, การอักเสบ)

-  มดลูกและรังไข่ในผู้หญิง (ซีสต์, เนื้องอก, ภาวะผิดปกติ)

-  ต่อมลูกหมากในผู้ชาย (การโตผิดปกติ, เนื้องอก)

-  ลำไส้บางส่วน (ตรวจหาก้อนหรือภาวะผิดปกติ)

2. ใครบ้างที่ควรตรวจอัลตร้าซาวด์ช่องท้อง

2.1 ผู้มีอาการผิดปกติในช่องท้อง เช่น:

-  ปวดท้องเรื้อรังหรือเฉียบพลัน

-  ท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือคลื่นไส้อาเจียน

-  ปัสสาวะหรืออุจจาระผิดปกติ เช่น มีเลือดปน

-  ตัวเหลือง ตาเหลือง (ภาวะที่เกี่ยวกับตับ)

2.2  กลุ่มเสี่ยงหรือผู้ป่วยเรื้อรัง:

-  ผู้ป่วยเบาหวาน (เพื่อตรวจสภาพไต)

-  ผู้มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งช่องท้อง

-  ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เรื้อรัง (เพื่อตรวจภาวะตับแข็ง)

-  ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรตรวจเป็นระยะเพื่อตรวจหาความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น

2.3  ผู้ที่ต้องการตรวจสุขภาพประจำปี:

-  เพื่อคัดกรองโรคและความผิดปกติที่อาจไม่มีอาการแสดงในระยะแรก

3. ประโยชน์ของการตรวจ

3.1  ช่วยวินิจฉัยโรคและภาวะผิดปกติ:

-  ค้นหาสาเหตุของอาการปวดท้องหรือความผิดปกติในช่องท้อง

-  ตรวจหาก้อนเนื้อหรือซีสต์ที่อาจเป็นมะเร็งในระยะแรก

-  การติดตามผลการรักษา:

3.2  สำหรับผู้ที่ได้รับการรักษาโรคในช่องท้อง เช่น โรคตับ หรือโรคนิ่วในถุงน้ำดี

คัดกรองโรคในระยะเริ่มต้น:

3.3 ช่วยลดความเสี่ยงของการลุกลามของโรคที่ตรวจพบในระยะแรก เช่น มะเร็งหรือการอักเสบเรื้อรัง

 

4.  การเตรียมตัวก่อนการตรวจอัลตร้าซาวด์ช่องท้องส่วนบนและส่วนล่าง มีความสำคัญเพื่อให้ได้ผลการตรวจที่ชัดเจนและแม่นยำที่สุด โดยมีคำแนะนำดังนี้:

4.1 การเตรียมตัวสำหรับการตรวจช่องท้องส่วนบน

-  ควรงดอาหารและเครื่องดื่ม (ยกเว้นน้ำเปล่า) อย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง ก่อนการตรวจ

-  การงดอาหารช่วยลดการสะสมของแก๊สในลำไส้และช่วยให้เห็นอวัยวะ เช่น ตับ ถุงน้ำดี และตับอ่อนได้ชัดเจน

-  หลีกเลี่ยงอาหารที่ย่อยยากหรือทำให้เกิดแก๊ส เช่น อาหารมัน, ถั่ว, น้ำอัดลม หรืออาหารที่มีใยอาหารสูง

4.2 การเตรียมตัวสำหรับการตรวจช่องท้องส่วนล่าง

-  ดื่มน้ำเพื่อให้กระเพาะปัสสาวะเต็ม:

-  ก่อนการตรวจ ควรดื่มน้ำประมาณ 1-1.5 ลิตร (4-6 แก้ว) และไม่ปัสสาวะจนกว่าจะถึงเวลาตรวจ

-  กระเพาะปัสสาวะที่เต็มจะช่วยให้เห็นภาพที่ชัดเจนของกระเพาะปัสสาวะ มดลูก รังไข่ หรือต่อมลูกหมาก

 

5. ข้อควรปฏิบัติทั่วไป

5.1 ยาประจำตัว: สามารถรับประทานยาที่จำเป็นได้ตามปกติ (ยกเว้นยาที่แพทย์แจ้งให้หยุด) แต่ควรรับประทานด้วยน้ำเปล่าปริมาณน้อย

สวมใส่เสื้อผ้าที่สะดวก:

5.2  ควรสวมเสื้อผ้าหลวมสบาย เพื่อความสะดวกในการตรวจ

5.3 แจ้งแพทย์หากมีเงื่อนไขพิเศษ: หากกำลังตั้งครรภ์ มีประวัติการผ่าตัดช่องท้อง หรือกำลังใช้ยาบางชนิด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า

 

6.ข้อจำกัดของการอัลตร้าซาวด์

✔️ อัลตราซาวด์ไม่สามารถใช้ตรวจอวัยวะส่วนที่มีลมได้ เช่น ปอด กระเพาะอาหาร ลำไส้ เป็นต้น ทั้งนี้เพราะอากาศจะไม่สะท้อนคลื่นสัญญาณกลับ ทำให้ไม่สามารถรับสัญญาณมาสร้างภาพได้

✔️  อัลตราซาวด์ไม่สามารถใช้ตรวจอวัยวะที่เป็นกระดูก หรือถูกกระดูกบังได้ เพราะกระดูกจะสะท้อนคลื่นกลับหมด ไม่สามารถทะลุทะลวงลงไปยังอวัยวะต่างๆ ได้