0-5393-6027 ต่อ 100
วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 07:30 - 20:00 น.
วันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 07:30 - 15:30 น.
robot-assisted rehabilitation
robot-assisted rehabilitation : บริการฟื้นฟูสมรรถภาพของแขนและมือด้วยหุ่นยนต์ช่วยฝึก

บริการฟื้นฟูสมรรถภาพของแขนและมือด้วยหุ่นยนต์ช่วยฝึก
การบำบัดฟื้นฟูด้วยหุ่นยนต์ช่วยฝึก (robot-assisted rehabilitation) เป็นการใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์เพื่อช่วยในการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ หรือโรคที่มีผลต่อการเคลื่อนไหว เช่น โรคหลอดเลือดสมอง (stroke) หรือโรคพาร์กินสัน
หุ่นยนต์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้รับบริการฝึกการเคลื่อนไหว โดยการทำงานร่วมกันผ่านการใช้แรงสนับสนุนจากหุ่นยนต์ในการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น แขน ขา หรือร่างกายส่วนบน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฝึกและเปิดโอกาสให้ผู้รับบริการสามารถฝึกซ้ำๆ อย่างมีจุดมุ่งหมายผ่านเกมส์คอมพิวเตอร์เสมือนจริงได้

การใช้หุ่นยนต์ช่วยฝึกส่งผลดีต่อผู้รับบริการอย่างไร
การใช้หุ่นยนต์ช่วยฝึกในการบำบัดฟื้นฟูสามารถให้ประโยชน์หลายอย่างแก่ผู้รับบริการที่มีปัญหาทางร่างกายหรือการเคลื่อนไหว เช่น ผู้ป่วยจากโรคหลอดเลือดสมอง (stroke), อุบัติเหตุ, หรือโรคที่ทำให้การเคลื่อนไหวลดลง โดยมีประโยชน์หลักๆ ดังนี้:
1.    การฝึกที่มีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง
       หุ่นยนต์ช่วยฝึกสามารถให้การฝึกที่ต่อเนื่องและแม่นยำ โดยไม่ต้องพึ่งพาการประเมินจากผู้บำบัดเท่านั้น ซึ่งช่วยให้การฝึกเป็นไปตามมาตรฐานที่ถูกต้องและมีการควบคุมทิศทางแนวแรงต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บในระหว่างการฝึก
2.    การปรับโปรแกรมตามความต้องการของผู้รับบริการ
       หุ่นยนต์ช่วยฝึกสามารถปรับโปรแกรมการฝึกให้เหมาะสมกับความสามารถและความต้องการของผู้รับบริการ เช่น การปรับระดับความยากง่ายของการเคลื่อนไหว หรือการเพิ่มแรงสนับสนุนตามความต้องการ
3.    เพิ่มโอกาสในการฝึกซ้ำ
       ผู้รับบริการสามารถฝึกซ้ำๆ ได้หลายครั้งในระยะเวลาสั้นๆ โดยไม่รู้สึกเหนื่อยหรือล้าเหมือนการฝึกในกระบวนการฟื้นฟูทั่วไป ส่งผลให้มีโอกาสพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหวได้มากขึ้น
4.    การบำบัดฟื้นฟูสามารถทำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
       นักกิจกรรมบำบัด/นักกายภาพบำบัดสามารถใช้เวลามากขึ้นในการประเมินผลและปรับแผนการรักษา แทนการใช้เวลาไปกับการช่วยฝึกเคลื่อนไหวพื้นฐานกับผู้รับบริการ ซึ่งทำให้การบำบัดเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
5.    การใช้หุ่นยนต์ช่วยฝึกจะช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บระหว่างการฝึกหรือการเคลื่อนไหว 
       หุ่นยนต์ช่วยฝึกสามารถใช้การปรับแรงที่พอเหมาะกับผู้รับบริการทำให้ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บระหว่างการฝึกหรือการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บหรือการจำกัดในการเคลื่อนไหว
6.    สามารถติดตามและวิเคราะห์ผลการฝึกได้
       หุ่นยนต์ช่วยฝึกสามารถบันทึกข้อมูลและติดตามผลการฝึกได้อย่างแม่นยำ เช่น การวัดการเคลื่อนไหว ความเร็ว หรือความแม่นยำในการทำท่าทางต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้นักกิจกรรมบำบัด/นักกายภาพบำบัดสามารถปรับแผนการรักษาได้ตามความเหมาะสม
7.    ช่วยเสริมสร้างแรงจูงใจ/ความมั่นใจให้ผู้รับบริการ
       เมื่อผู้รับบริการเห็นการพัฒนาของตัวเองจากการฝึกกับหุ่นยนต์และสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ดีขึ้น จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย และช่วยให้มีแรงจูงใจในการฝึกต่อไป

ควรฝึกโดยใช้หุ่นยนต์ช่วยฝึกบ่อยแค่ไหนถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดี
การฝึกโดยใช้หุ่นยนต์ช่วยฝึกให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อาการของผู้ป่วย, ความรุนแรงของการบาดเจ็บ, อายุ, และความสามารถในการฟื้นฟู แต่โดยทั่วไปแล้ว มีคำแนะนำที่สามารถใช้เป็นแนวทางในการฝึกได้ดังนี้:
1.    ความถี่ของการฝึก
       โดยทั่วไปแล้ว ผู้รับบริการที่ใช้หุ่นยนต์ช่วยฝึกจะได้รับการฝึกบ่อยๆ ประมาณ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้รับบริการและแผนการรักษาที่กำหนดโดยนักกิจกรรมบำบัด/นักกายภาพบำบัด การฝึกที่มีความถี่บ่อยครั้งจะช่วยให้การฟื้นฟูสมรรถภาพเกิดขึ้นได้รวดเร็วขึ้น
2.    ระยะเวลาต่อการฝึก
       การฝึกแต่ละครั้งมักใช้เวลา 30-60 นาที ซึ่งในระยะเวลานี้ ผู้รับบริการจะได้ฝึกทักษะการเคลื่อนไหวที่หลากหลาย และหุ่นยนต์จะช่วยสนับสนุนในการควบคุมแรงต่างๆ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ
3.    การปรับโปรแกรมฝึกตามความก้าวหน้า
       การฝึกต้องมีการปรับโปรแกรมตามความก้าวหน้าของผู้รับบริการ เช่น ถ้าผู้รับบริการเริ่มมีความสามารถในการเคลื่อนไหวที่ดีขึ้น ก็อาจจะเพิ่มความยากของการฝึกหรือเพิ่มระยะเวลาในการฝึกต่อวัน เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้หุ่นยนต์ช่วยฝึก
4.    การฝึกแบบการฟื้นฟูที่เป็นขั้นตอน
       หุ่นยนต์ช่วยฝึกสามารถปรับการฝึกให้เหมาะสมกับความสามารถของผู้รับบริการในแต่ละขั้นตอนของการฟื้นฟู เช่น ในช่วงแรกอาจจะใช้แรงสนับสนุนมากเพื่อช่วยในการเคลื่อนไหว แต่เมื่อมีความสามารถมากขึ้น ก็จะลดการสนับสนุนจากหุ่นยนต์ เพื่อให้ผู้รับบริการสามารถฝึกการเคลื่อนไหวด้วยตัวเองได้มากขึ้น
5.    การติดตามผลและปรับแผนการฝึก
       ผลลัพธ์จากการฝึกสามารถติดตามและประเมินจากข้อมูลที่บันทึกโดยหุ่นยนต์ เพื่อให้สามารถปรับแผนการฝึกได้อย่างเหมาะสมตามความก้าวหน้าของผู้ป่วย
ในที่สุดแล้ว ความถี่และระยะเวลาของการฝึกที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้รับบริการแต่ละคน และควรได้รับการแนะนำจากทีมแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดฟื้นฟู เพื่อตั้งโปรแกรมฝึกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้รับบริการแต่ละราย

การใช้หุ่นยนต์ช่วยฝึกอาจมีความเสี่ยงอะไรที่ต้องกังวลหรือไม่
การใช้หุ่นยนต์ช่วยฝึกในการบำบัดฟื้นฟูเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็มีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อไม่ได้ใช้อย่างถูกต้องหรือเหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้รับบริการ ซึ่งอาจรวมถึงความเสี่ยงต่างๆ ดังนี้:
1.    การบาดเจ็บจากการเคลื่อนไหวที่ผิดท่า
       ถึงแม้ว่าหุ่นยนต์จะช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวและให้แรงสนับสนุนเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ แต่ยังคงมีความเสี่ยงหากการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยไม่ถูกต้องหรือหุ่นยนต์ตั้งโปรแกรมไม่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย เช่น ผู้รับบริการอาจเคลื่อนไหวในท่าทางที่ไม่ถูกต้องจนเกิดการบาดเจ็บ
2.    การบาดเจ็บจากแรงที่มากเกินไป
       หุ่นยนต์ช่วยฝึกจะควบคุมแรงที่ใช้ในการฝึก แต่หากแรงที่หุ่นยนต์ใช้เกินความสามารถของผู้รับบริการ อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ เช่น การใช้แรงที่มากเกินไปในขณะที่ผู้รับบริการไม่สามารถรับไหว หรือหากมีการปรับโปรแกรมที่ไม่เหมาะสม
3.    ความเจ็บปวดหรืออาการไม่สบายระหว่างการฝึก
       บางครั้งผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บปวดหรือไม่สบายระหว่างการใช้หุ่นยนต์ฝึก โดยเฉพาะผู้รับบริการที่มีอาการเจ็บปวดเรื้อรังหรือการจำกัดการเคลื่อนไหว อาจทำให้รู้สึกไม่สบายจากการฝึกในบางท่าทาง
4.    การบาดเจ็บจากการไม่ติดตามผลการฝึก
       การใช้หุ่นยนต์ช่วยฝึกโดยไม่ติดตามผลหรือประเมินความก้าวหน้าของผู้รับบริการอย่างสม่ำเสมออาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการฝึกผิดพลาด โดยเฉพาะหากไม่มีการปรับโปรแกรมการฝึกให้เหมาะสมกับความสามารถของผู้ป่วยในแต่ละช่วงของการฟื้นฟู
5.    อุปกรณ์หรือหุ่นยนต์เสียหาย
       ถึงแม้ว่าหุ่นยนต์ที่ใช้จะได้รับการออกแบบมาอย่างดี แต่ก็ยังมีโอกาสที่อุปกรณ์อาจมีข้อผิดพลาดทางเทคนิค เช่น การตั้งโปรแกรมผิดพลาด หรือการขัดข้องของระบบที่อาจทำให้การฝึกไม่ถูกต้องหรือไม่ปลอดภัย
6.    ผลกระทบทางจิตใจจากการใช้หุ่นยนต์
       บางครั้งการใช้หุ่นยนต์ช่วยฝึกอาจทำให้ผู้รับบริการรู้สึกไม่สบายใจหรือเครียด เช่น การรู้สึกว่าไม่ได้รับการดูแลจากมนุษย์ หรืออาจทำให้รู้สึกห่างเหินจากนักกิจกรรมบำบัด/นักกายภาพบำบัดที่เป็นผู้ช่วยในการฝึกแบบปกติ ความเครียดจากการที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวตามแผนการเคลื่อนไหวที่ถูกออกแบบมาระหว่างโปรแกรมฝึก
7.    ปัญหาจากการปรับแผนการฝึกที่ไม่เหมาะสม
       หากโปรแกรมฝึกของหุ่นยนต์ไม่ถูกปรับให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายหรือความสามารถของผู้รับบริการ อาจทำให้ผู้รับบริการไม่สามารถฝึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือทำให้เกิดการบาดเจ็บจากการฝึกที่เกินความสามารถ

     การใช้หุ่นยนต์ช่วยฝึกในการบำบัดฟื้นฟูควรทำอย่างระมัดระวังและภายใต้การดูแลจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
     ศูนย์สุขภาพพร้อม ได้นำเอาเทคโนโลยีหุ่นยนต์ช่วยฝึกมาให้บริการเป็นทางเลือกร่วมกับรูปแบบการฝึกเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพของแขนและมือในรูปแบบปกติเพื่อเพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้รับบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
     สนใจขอรับคำปรึกษาและขอรับบริการได้เฉพาะที่ ศูนย์สุขภาพพร้อม (สำนักงานใหญ่) คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


สนใจเข้ารับบริการ สามารถติดต่อ 053-936027 (กรุณาโทรนัดหมายก่อนเข้ารับบริการ)

วันเวลาทำการ
วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 09:00 น. - 19:00 น.
วันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 09:00 น. - 15:00 น.
วันหยุด
วันหยุดนักขัตฤกษ์
ติดต่อ
053936027
อีเมล
กรุณาติดต่อผ่านไลน์ @prompt-ams