กระดูกพรุน ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
ภาวะกระดูกพรุน (Osteoporosis) คือ ภาวะที่มีความหนาแน่นของมวลกระดูกลดลง ซึ่งลดลงมากจนถึงขั้นวิกฤต จนส่งผลให้กระดูกขาดความแข็งแรง เมื่อเกิดอุบัติเหตุจึงมีความเสี่ยงที่กระดูกจะแตกหักได้ง่าย
ร่างกายของเราจะมีกลไกการสลายกระดูกบางส่วนทิ้งไป และเสริมสร้างกระดูกใหม่ขึ้นมาทดแทนหมุนเวียนเป็นปกติ แต่เมื่อไหร่ที่ร่างกายได้สูญเสียสมดุลตรงนี้ไป เช่น มีการสลายตัวของกระดูกมากกว่าการสร้างขึ้นใหม่ หรือมีการสร้างกระดูกน้อยเกินไป ก็จะส่งผลให้ความหนาแน่นของมวลกระดูกลดลงเรื่อยๆ จนเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะกระดูกพรุน และส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น เพียงแค่การล้มเบาๆ ก็ทำให้ผู้สูงอายุกระดูกแตกหรือหักได้ง่ายๆ ยิ่งถ้าเคยกระดูกหักจากภาวะกระดูกพรุนแล้ว ก็ยิ่งมีโอกาสสูงถึง 50% ที่จะเกิดกระดูกหักที่จุดอื่นๆ ได้อีก ดังนั้นการตรวจเช็คความหนาแน่นของมวลกระดูกเป็นประจำทุก 1-2 ปี จึงมีความสำคัญมาก เพื่อป้องกันไม่ให้กระดูกหัก และรักษาภาวะกระดูกพรุนได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
โรคกระดูกพรุนไม่ได้ทำให้เจ็บปวด แต่ก็ไม่ควรวางใจ
โรคกระดูกพรุน แม้จะเป็นโรคที่ไม่ได้ทำให้มีอาการด้วยตัวเอง ยกเว้นอาการที่เกิดขึ้นจากภาวะกระดูกพรุนขั้นรุนแรง และมักรู้เมื่อเกิดล้มเพียงเล็กน้อยแล้วกระดูกหัก จึงถือเป็นภัยเงียบใกล้ตัวที่หลายคนมองข้าม เนื่องจากไม่แสดงอาการให้รู้จนกระทั่งกระดูกแตกหรือหักไปแล้วจนต้องเข้ารักษาตัวเป็นเวลานาน เมื่อตรวจวินิจฉัยจึงพบว่าเกิดจากโรคกระดูกพรุน
ใครบ้างที่ควรตรวจคัดกรองโรคกระดูกพรุน
1. ผู้หญิงเข้าสู่วัยทองหรือวัยหมดประจำเดือน (อายุประมาณ 45 ปีขึ้นไป)
2. ผู้หญิงที่เคยได้รับการผ่าตัดรังไข่ออกทั้งสองข้างก่อนหมดประจำเดือน
3. ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม
4. ผู้ที่สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
5. ผู้ที่ใช้ยาสเตียรอยด์ หรือยากดฮอร์โมนเป็นเวลานาน
6. ผู้อายุที่เพิ่มมากขึ้น: มวลกระดูกของเราจะเพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่ออายุ 30 ปี หลังจากนั้น มวลกระดูกจะค่อยๆ ลดลงตามกาลเวลา โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป
7. ผู้ที่มีโรคประจำตัว: โรคบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคไตเรื้อรัง โรคตับเรื้อรัง โรคไทรอยด์เป็นพิษ โรคทางระบบภูมิคุ้มกัน ส่งผลต่อมวลกระดูกและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน
8. พันธุกรรม: หากมีบุคคลในครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุน แสดงว่ามีโอกาสเป็นโรคนี้เพิ่มมากขึ้น
ทำไมเราควรตรวจมวลกระดูก
1. ตรวจหาโรคกระดูกพรุนได้เร็ว: การตรวจหาโรคกระดูกพรุนในระยะเริ่มต้น ช่วยให้สามารถเริ่มต้นการรักษาได้เร็ว ป้องกันไม่ให้เกิดกระดูกหัก
2. ลดความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหัก: การรักษาโรคกระดูกพรุน ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหัก โดยเฉพาะกระดูกสะโพก ข้อมือ และกระดูกสันหลัง
3. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต: เมื่อทราบว่าตนเองเป็นโรคกระดูกพรุน แพทย์จะแนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลิกสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลง ซึ่งจะช่วยชะลอการสูญเสียมวลกระดูกและลดความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหัก
4. วางแผนการรักษา: แพทย์จะวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งอาจรวมถึงการทานยา การฉีดยา หรือการผ่าตัด
การรักษาภาวะกระดูกพรุน ทำอย่างไร
โรคกระดูกพรุนจะมีแนวทางรักษาหลักๆ คือ การยับยั้งการสลายกระดูกโดยมีทั้งรูปแบบยากิน และการฉีดยารักษา ควบคู่ไปกับการเสริมแคลเซียมให้ร่างกาย ดังนั้นการดูแลร่างกายตัวเองให้มีมวลกระดูกให้แข็งแรงอยู่เสมอ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นเสริมอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดี เช่น ผัก ปลาเล็กปลาน้อยเพื่อบำรุงกระดูก หลีกเลี่ยง ชา กาแฟ น้ำอัดลม ออกรับแดดอ่อนๆ ยามเช้าเพื่อให้ร่างกายสร้างวิตามินดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อให้แข็งแรง เพื่อช่วยลดแรงกระแทกทำให้กระดูกไม่หักเวลาหกล้มได้ดี
นอกจากนี้การตรวจเช็คความหนาแน่นของมวลกระดูกเป็นประจำ ที่จะช่วยให้รู้อาการก่อนล่วงหน้า ทำให้การรักษาเป็นไปอย่างรวดเร็ว และป้องกันโรคกระดูกพรุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ